เด็กน้อย
ผู้แต่ง: ไม่ทราบ
เด็กเอ๋ยเด็กน้อย
ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เจ้าจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน
ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย
แมวเหมียว
ผู้แต่ง: นายทัด เปรียญ
แมวเอ๋ยแมวเหมียว
รูปร่างปราดเปรียว(1) เป็นนักหนา
ร้องเรียกเหมียว ๆ เดี๋ยวก็มา
เคล้าแข้งเคล้าขา(2) น่าเอ็นดู
รู้จักเอารักเข้าต่อตั้ง
ค่ำ ๆ ซ้ำนั่งระวังหนู
ควรนับว่ามันกตัญญู
พอดูอย่างไว้ใส่ใจเอย ฯ
ปราดเปรียว(1) หมายถึง คล่องแคล่ว ว่องไว
เคล้าแข้งเคล้าขา(2) หมายถึง คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน
ผู้แต่ง: สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ตั้งเอ๋ยตั้งไข่
จะตั้งไยไข่กลมก็ล้มสิ้น
ถึงว่าไข่ล้มจะต้มกิน
ถ้าตกดินเสียก็อดหมดฝีมือ
ตั้งใจเรานี้จะดีกว่า
อุตส่าห์อ่านเขียนเรียนหนังสือ
ทั้งวิชาสารพัดเพียรหัดปรือ(1)
อย่าดึงดื้อตั้งไข่ร่ำไร(2 )เอย ฯ
หัดปรือ(1) หมายถึง ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ
ร่ำไร(2) หมายถึง อ้อยอิ่ง ชักช้าไม่ยอมลงมือทำ
นกขมิ้นเหลืองอ่อน
ผู้แต่ง: หลวงพลโยธานุโยค (นก)
ปักเอ๋ยปักษิน(1)
นกขมิ้นเรื่อเรืองเหลืองอ่อน
ถึงเวลาหากินก็บินจร
ครั้นสายัณห์(2) ผันร่อนมานอนรัง
ความเคยคุ้นสกุณา(3) อุตสาหะ
ไม่เลยละพุ่มไม้ที่ใจหวัง
เพราะพากเพียรชอบที่มีกำลัง
เป็นที่ตั้งตนรอดตลอด เอย ฯ
ปักษิณ(1) และ สกุณา(3) หมายถึง นก
สายัณห์(2) หมายถึง เวลาเย็น
จิงโจ้โล้สำเภา
ผู้แต่ง: หลวงวิจิตรวาทการ
จิงเอ๋ยจิงโจ้
เล่นโล้(1)ในลำสำเภาใหญè
เพื่อออกแรงออกกำลังโดยตั้งใจ
ที่จะให้เข้มแข็งและอดทน
เรานักเรียนต้องไม่คร้านการกีฬา
เรื่องพลศึกษาต้องฝึกฝน
ให้แข็งแรงถ้วนทั่วทุกตัวตน
เพื่อเป็นคุณแก่ตนและชาติ เอย ฯ
โล้(1) หมายถึง ทำให้เรื่อแล่นไปโดยการโยกพาย
ซักส้าวมะนาวโตงเตง
ผู้แต่ง: ไม่ทราบ
ซักเอ๋ยซักส้าว(1)
ผลมะนาวทิ้งทานในงานศพ
เข้าแย่งชิงเหมือนสิ่งไม่เคยพบ
ไม่น่าคบเลยหนอพวกขอทาน
ดูประหนึ่งขัดสนจนปัญญา
มีทางหากินได้หลายสถาน
ประหลาดใจเหตุไฉนไม่ทำงาน
ประกอบการอาชีพที่ดี เอย ฯ
ซักส้าว(1) คือ การเล่นชนิดหนึ่งของเด็กโดยการจับแขนดึงกันไปมา ในที่นี้ หมายถึง การแย่งชิง
ตุ๊ดตู่อยู่ในรูกระบอก
ผู้แต่ง: สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ตุ๊ดเอ๋ยตุ๊ดตู่
ในเรี่ยวในรูช่างอยู่ได้
ขี้เกียจนักหนาระอาใจ
มาเรียกให้กินหมากไม่อยากคบ
ชาติขี้เกียจเบียดเบียนแต่เพื่อนบ้าน
การงานสักนิดก็คิดหลบ
ตื่นเช้าเราจักหมั่นประชันพลบ(1)
ไม่ขอพบขี้เกียจเกลียดนัก เอย ฯ
พลบ(1) หมายถึง เวลาใกล้ค่ำ
เรือเล่นสามเส้นสิบห้าวา
ผู้แต่ง: ทัด เปรียญ
เรือเอ๋ยเรือเล่น
สามเส้นเศษวาไม่น่าล่ม
ฝีพายลงเต็มลำจ้ำตะบม
ไปขวางน้ำคว่ำจมลงกลางวน
ทำขวาง ๆ รี ๆ ไม่ดีหนอ
เที่ยวขัดคอขัดใจไม่เป็นผล
จะก่อเรื่องเคืองข้องหมองกมล
เกิดร้อนรนร้าวฉานรำคาญ เอย ฯ
นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า
ผู้แต่ง: หลวงวิจิตรวาทการ
นกเอ๋ยนกเอี้ยง
คนเข้าใจว่าเจ้าเลี้ยงซึ่งควายเฒ่า
แต่นกเอี้ยงนั้นเลี่ยงทำงานเบา
แม้อาหารก็ไปเอาบนหลังควาย
เปรียบเหมือนคนทำตนเป็นกาฝาก
รู้มากเอาเปรียบคนทั้งหลาย
หนึ่งงานหนักคอยสมัครงานสบาย
จึงน่าอายเพราะเอาเยี่ยงนกเอี้ยง เอย ฯ
นกกิ้งโครงเข้าโพรงนกเอี้ยง
ผู้แต่ง: พระยาพินิจสารา (ทิม)
นกเอ๋ยนกกิ้งโครง
หลงเข้าโพรงนกเอี้ยงเถียงเจ้าของ
อ้อยอี๋เอียงอ้อยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง
เจ้าของเขาว่าหน้าไม่อาย
แต่นกยังรู้ผิดรัง
นักปราชญ์รู้พลั้งไม่แม่นหมาย
แต่ผิดรับผิดพอผ่อนร้าย
ภายหลังจงระวังอย่างพลั้ง เอย ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น