โฆษณาน่่าสนใจ-ช่วยคลิ๊กให้ด้วยครับ เพราะเจ้าของบล็อกจะได้รับค่าโฆษณาตอบแทนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 1 เปิดหนังสือดอกสร้อยสุภาษิต (1)

ตอนที่ 1
เปิดหนังสือดอกสร้อยสุภาษิต

นานมากแล้วที่ ประเสริฐ ไม่ได้ย่างกรายเข้ามาภายในห้องเก็บของ ทั้งๆที่มันก็อยู่ภายในบ้านของเขาเองนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่าการเป็นครูที่ดีนั้น จะดึงเอาเวลาส่วนใหญ่ของเขาไปเสียเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงก่อนการเกษียณอายุราชการ ที่เขาต้องรับหน้าที่ “อาจารย์ใหญ่” ของโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ อีกหนึ่งตำแหน่งหนึ่งด้วย จึงทำให้เขาแทบจะลืม “ห้องเก็บของ” ห้องนี้ไปเสียสนิท
      “ดีเหมือนกันที่ชีวิตหลังเกษียณ ทำให้ฉันมีเวลาพอที่จะจัดการเรื่องบ้านช่องของฉันเองบ้าง” ประเสริฐพูดกับตัวเองเบาๆ

ภายในห้องมีของต่างๆที่ สมพิศ ภรรยาของเขานำมาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พื้นห้องมีกล่องกระดาษวางอยู่หลายใบ ซึ่งภายในนั้นคงบรรจุของที่เขาไม่ได้ใช้แล้ว แต่มันยังมีคุณค่าเกินกว่าจะทิ้งไป เขาใช้สายตาสำรวจไปจนทั่วห้อง และแล้วมันก็ไปสะดุดกับ ตัวอักษรบนกระดาษสีขาว ที่ถูกแปะไว้ด้านบนของกล่องกระดาษกล่องหนึ่งว่า หนังสือเรียนระดับประถมศึกษา”
มัน เหมือนมีเวทมนต์อะไรบางอย่าง ที่มาสะกดให้ประเสริฐ เดินตรงเข้าไปหากล่องใบนั้น ยกขึ้นมา แล้วนำกล่องใบนั้นไปยังห้องทำงานของเขา ซึ่งจากนี้ไปเขาก็คงจะได้ใช้ “ห้องทำงาน” ห้องนี้เป็นประจำแน่ๆ
หนังสือ เรียนเก่าๆถูกหยิบออกมาจากกล่อง และวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ประเสริฐมองดูหนังสือเหล่านั้น พลางยิ้มอย่างมีความสุข และนึกขอบใจ สมพิศ ภรรยาของเขาจริงๆที่ได้เก็บหนังสือเหล่านี้ไว้
“มีอะไรบ้างล่ะนี่?” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมๆกับค่อยๆหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าของเขาขึ้นมาทีละเล่ม


แบบอ่านภาษาไทย ชุด สุดา กับ คาวี เรื่อง มาดูอะไร ชั้นประถมปีที่ ๑ เขาอ่านตัวหนังสือที่อยู่บนปกของ หนังสือเล่มแรก ที่เขาหยิบขึ้นมา จากนั้นเขาก็หยิบเล่มต่อไปขึ้นมาดู แล้วประเสริฐก็รำพึงเบาๆอยู่คนเดียวว่า
 
“โอ้โห นี่คุณสมพิศ เก็บหนังสือ สุดา กับ คาวี ไว้ครบทั้ง ๔ เล่มเลย” แล้วประเสริฐ ก็นำหนังสือทั้งสี่เล่มมาเรียงเข้าไว้ด้วยกัน

หนังสือ ทั้ง ๔ เล่ม มีรูปวาดอยู่บนปกของหนังสือ เป็นรูปของเด็กๆที่กำลัง เดิน วิ่ง เล่น อยู่บนถนนสีขาว มีชื่อเรื่องว่า “มาดูอะไร” “ไปเล่นด้วยกัน” “ออกไปข้างนอก” และ “ฉันออกจากบ้าน”  

หลังจากนั้น ประเสริฐ ก็เพลิดเพลินไปกับการอ่านหนังสือ ชุด “สุดา กับ คาวี” อยู่พักใหญ่ๆ จึงหยิบหนังสือขึ้นมาใหม่อีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเล่มนี้หน้าปกของหนังสือเขียนบอกชื่อเรื่องไว้ว่า
บทอาขยานภาษาไทย ดอกสร้อยสุภาษิต” ชั้นประถมปีที่ ๑-๒ ของกระทรวงศึกษาธิการ ราคา .๕๐
 
เขา หัวเราะเบาๆ เพราะใจมันเผลอคิดไปว่าเงิน ๕๐ สตางค์ ในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะเอาไปซื้ออะไรแทบไม่ได้เลย เขาพยายามคิดทบทวนดูว่า เนื้อหาภายในของหนังสือเล่มนี้มันเป็นอย่างไร แต่เขาก็ยังนึกไม่ออก เพราะระยะเวลาจากเด็กนักเรียนชั้น ป.1 มาถึงวัยเกษียณอายุในวันนี้ มันช่างนานมากเหลือเกิน จริงอยู่ที่เขาเป็นครู แต่ก็เป็นครูในระดับมัธยมศึกษาไม่ใช่ประถมศึกษา

แต่เขาก็ยังพอจะจำความได้ว่า  เด็กนักเรียนในอดีตนั้น คุณครูที่โรงเรียนจะให้เด็กนักเรียนท่อง “บทอาขยาน” เป็นประจำทุกๆวัน และหนังสือ ดอกสร้อยสุภาษิต ก็เป็นหนังสือที่ใช้ในการท่องบทอาขยาน ประเสริฐ เปิดหนังสืออย่างแผ่วเบา เนื่องจากความเก่าของกระดาษเขาอาจจะทำให้มันขาดได้ง่ายๆ 



 
เมื่อ เปิดดูเนื้อหาภายในเล่ม เขาก็ถึงบางอ้อเลยทีเดียว มันเป็นบทกลอนสำหรับเด็กที่ถูกแต่งไว้เพื่อให้เด็กๆ เรียนร้องและท่องเล่น ในลักษณะของ “บทอาขยาน” โดยใช้ภาษาง่ายๆ แต่มีสำนวนที่สละสลวย และแฝงคติสอนใจ เพื่อให้เด็กๆได้อ่านและซึมซับคติเหล่านั้นเอาไว้ แล้วนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นต่อไป
ในขณะที่เขากำลังคิดย้อนอดีตเพลินๆ จนไม่ได้สังเกตว่า น้องแพรวา หลานสาวตัวน้อย เข้ามายืนอยู่ข้างหลังของเขา แล้วถามด้วยเสียงเล็กๆน่ารักว่า

“คุณปู่ทำอะไรอยู่คะ?” ประเสริฐหันไปยิ้มให้กับเด็กน้อย แล้วกล่าวตอบไปว่า
“ปู่กำลังอ่านหนังสือเก่าๆ สมัยเมื่อปู่เป็นเด็กนักเรียนชั้น ประถมอยู่จ้ะ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหลานสาวสุดที่รักขึ้นมานั่งตัก
“อันนี้เป็นหนังสือของชั้น ป.๒ สมัยก่อนหรือคะคุณปู่” เด็กน้อยหยิบหนังสือดอกสร้อยสุภาษิตขึ้นมาถือไว้
“ใช่จ้ะ แต่ปู่ชักจะสงสัยแล้วว่า เด็ก ป.๔ จะอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ไหมนะ”

“ได้ซิคะ ชิวๆอยู่แล้วค่ะ” น้องแพรวา ตอบด้วยภาษาของเด็กสมัยนี้ ชิวๆนี่เด็กสมัยนี้จะรู้ไหมนะว่า คำว่า ชิวๆ ที่พวกเขาพูดกันอยู่ในเวลานี้ มีที่มาอย่างไรและมีความหมายจริงๆว่าอย่างไร ซึ่งประเสริฐเชื่อว่า ถึงเขาจะถามไปหลานสาวก็คงไม่รู้คำตอบในเรื่องนี้แน่ๆ
“ถ้างั้น เรามาอ่านด้วยกันดีไหมจ๊ะ” เขากล่าวชวน
“ดีซิคะคุณปู่ หนูอยากอ่านจังเลยค่ะ” หลานสาวกล่าวตอบด้วยความดีใจ
“ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มต้นกันด้วยหนังสือเล่มนี้เลย ไหนอ่านให้ปู่ฟังหน่อยซิว่า หนังสือเล่มนี้เรื่องอะไร”
“บทอาขยานภาษาไทย ดอกสร้อยสุภาษิต...
“เก่งมากจ้ะสาวน้อย งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยนะ” จากนั้นปู่กับหลานสาว ก็อ่านบทกลอนด้วยกันอย่างมีความสุข...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น